“โนเบิล” มั่นใจปี 65 ตลาดเป็นบวก หลังรัฐทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุด ประกาศแผนธุรกิจเชิงรุกเปิด 18 โครงการ 47,700 ล้านบาท ประเดิมตลาดเดือน ม.ค. เปิด 5 โครงการรวด ชูกลยุทธ์เน้นกระจายทำเล สร้างความหลากหลายตอบทุกความต้องการผู้อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ตั้งเป้ายอดขาย 28,000 ล้านบาท ยอดโอน 13,000 ล้านบาท หลังมี Backlog รองรับแล้ว 5,700 ล้านบาท

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” กล่าวว่า ตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 มีสัญญาณเป็นบวกต่อเนื่อง แม้จะมีการระบาของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ไม่น่ามีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้มากนัก เพราะที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อ Sentiment ของคนในประเทศที่คลายความกังวลลง

ขณะที่รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น ทั้งการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมจดจำนอง การผ่อนปรนต่างชาติให้เข้ามาถือครองอสังหาฯ นานขึ้น รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ถึงสิ้นปี 65 ซึ่งเป็นอานิสงส์ต่อตลาดอสังหาฯ ในปีนี้

​ปัจจัยบวกต่างๆ ดังกล่าว ทำให้ ในปีนี้โนเบิลเน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจเชิงรุกเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยมีแผนเปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่า 47,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบและโครงการคอนโด Low Rise 12 โครงการ มูลค่า 18,800 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 6 โครงการ มูลค่า 28,900 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบและคอนโด Low Rise g รองรับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย เพราะรอบในการก่อสร้างสั้นสามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเกือบ 50% ขณะเดียวกัน จะกระจายทำเล และพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการในทุกมิติ

 

​โดยในไตรมาส 1/65 โนเบิลเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดพร้อมกัน 5 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท โดยชูจุดเด่น 3 คอนโดฯ ติดห้าง 1 โครงการ ใจกลางอารีย์ และ 1 โครงการ แลนด์มาร์กใจกลางดอนเมืองประกอบด้วย 1.โครงการนิว โนเบิล ดิสทริค อาร์ 9 มูลค่า 6,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท 2.โครงการนิว โนเบิล เมกา พลัส บางนา มูลค่า 3,000 ล้านบาท คอนโดฯ ติดห้างเมกา บางนาราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

3.โครงการนิว โนเบิล ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น มูลค่า 700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท 4.โครงการนิว โนเบิลอีโว อารีย์มูลค่า 2,900 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท 5.โครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง มูลค่า 2,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.09 ล้านบาท

ส่วนอีก 13 โครงการ ซึ่งมีทั้งโครงการคอนโดแนวสูงและแนวราบ บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทยอยเปิดตัวในช่วงที่เหลือของปี

​“ในปีนี้โนเบิลตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 13,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีแบ็กล็อกในมือแล้ว 7,500 ล้านบาท”

ขณะเดียวกัน โนเบิลมีโครงการสร้างเสร็จรอโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ 14 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดแนวสูง 4 โครงการ คือ โครงการโนเบิล สเตท 39 โนเบิล ศรีนครินทร์-ลาซาล โนเบิล อราวน์ อารีย์ และโนเบิล งามวงศ์วาน ซึ่งจะทยอยโอนช่วงครึ่งหลังของปี และยังมีโครงการแนวราบและคอนโด Low Rise 10 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโนเบิล เกเบิล วัชรพล โนเบิล คอนเน็กซ์ เฮ้าส์ ดอนเมือง โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการใหม่บนถนนเอกมัยรามอินทรา ถนนราชพฤกษ์ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนจำเนียรเสริม และอำเภอชะอำ ซึ่งจะทยอยสร้างและโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป

​นอกจากนี้ โนเบิลอยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินให้ลูกค้า โดยการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ในการซื้อขายอสังหาฯ ด้วยการใช้คริปโตเคอร์เรนซี เบื้องต้น คาดกระบวนการจะเสร็จสิ้นและสามารถชำระได้ภายในไตรมาส 2/65 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังรอดูนโยบายหน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ธปท. และกรมสรรพากร ก่อนเปิดใช้เต็มระบบอีกครั้ง