โรงพยาบาลจุฬารัตน์ โกยกำไรงวดสิ้นปี 64 ถึง 4,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,327 ล้านบาท หรือ 379.4% กำไรพุ่ง 379% สร้างรายได้เกือบ 12,000 ล้าน คาดผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาต่อเนื่อง พร้อมจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น ชี้ปีนี้โตตามคาด
นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 4,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,327 ล้านบาท หรือ 379.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน (yoy) เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา มีการระบาดระลอกใหญ่และรุนแรงกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งโรงพยาบาลได้เข้าร่วมรับผู้ป่วยโควิด-19 รวมทั้งเปิดบริการตรวจคัดกรองโควิด-19 เปิดสถานกักกันโรค หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ โรงพยาบาลสนาม ให้บริการหน่วยฉีดวัคซีนทั้งในและนอกสถานที่ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้กำไรในปี 2564 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 11,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,537 ล้านบาท หรือ 119.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการการประกอบกิจการโรงพยาบาล 11,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,309 ล้านบาท หรือ 116.1% และรายได้อื่นๆ 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228 ล้านบาท หรือ 786.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ รายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ผู้ป่วยทั่วไป 4,222.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,014.14 ล้านบาท หรือ 32% เป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก 2,458.24 ล้านบาท และผู้ป่วยใน 1,764.13 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักยังคงมาจากการให้บริการและรักษาเกี่ยวเนื่องกับโรคไวรัสโควิด-19 การให้บริการตรวจคัดกรอง การรักษา และบริการฉีดวัคซีนทางเลือก
ขณะที่รายได้จากโครงการสวัสดิการภาครัฐ มีรายได้อยู่ที่ 7,519.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,295.18 ล้านบาท หรือ 238% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นรายได้จากโครงการประกันสังคมรวม 1,928.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.90 ล้านบาท หรือ 6% เนื่องจากโรงพยาบาลมีรายได้ส่วนต่างจากการรับเงินรายได้ภาระเสี่ยงงวดสุดท้ายของปี 2563 มากกว่าที่ประมาณการไว้ ประกอบกับได้ปรับประมาณการรายได้ภาระเสี่ยงเพิ่มของปี 2564 จึงยังทำให้โรงพยาบาลยังมีรายได้ส่วนนี้โตต่อเนื่อง
สำหรับรายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 5,591.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,178.28 ล้านบาท หรือ 1,253% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับโรคโควิด-19 ทั้งการเข้ารับตรวจคัดกรอง และการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยติดเชื้อ ส่วนรายได้อื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการรับจ้างบริหารงานให้โรงพยาบาลภาครัฐ
“เนื่องจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และรุนแรงเป็นระลอกตลอดทั้งปี 2564 นั้น ส่งผลให้โรงพยาบาลได้ขยายการให้บริการและการรักษาที่เกี่ยวเนื่องกับโรคไวรัสโควิด-19 อย่างครบวงจร ทั้งการให้บริการตรวจเชื้อ การรักษา และบริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป จึงส่งผลให้มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยปกติ จึงทำให้รายได้ของโรงพยาบาลปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก และคาดว่าในปีนี้จะยังคงมีผู้เข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังค่อนข้างรุนแรง และประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ทางโรงพยาบาลจึงพยายามที่จะให้บริการให้ครอบคลุมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการให้ได้มากที่สุด” นายแพทย์กำพล กล่าว
นายแพทย์กำพล กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมา กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ได้เริ่มต้นบทบาทใหม่ที่สำคัญคือ การจับมือกับทางภาครัฐ เพื่อให้บริการทางด้านสาธารณสุขกับประชาชนในพื้นที่ในหลายโครงการ เช่น CHG จัดตั้งศูนย์หัวใจครบวงจรในโรงพยาบาลรัฐ ทั้งในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกและโรงพยาบาลรัฐระดับจังหวัด 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสิรินธร ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสมุทรปราการ ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลระยอง ซึ่งทั้ง 3 ศูนย์ตั้งอยู่ในพื้นที่หลักของเรา และในปี 2565 ทั้ง 3 ศูนย์พร้อมรับผู้ป่วยโรคหัวใจแบบเต็มรูปแบบ ถือเป็นความร่วมมือในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคหัวใจ ที่ใช้ความสามารถความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการรักษาของเราเพื่อช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชน ช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงทีและมีคุณภาพ
โดย CHG ได้เข้าดำเนินงานในโครงการรับจ้างบริหารโรงพยาบาลเมืองพัทยา และศูนย์แพทย์ชุมชนเกาะล้าน ถือเป็นการนำความเชี่ยวชาญในการบริหารงานโรงพยาบาลของ CHG ไปทำความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการพัฒนาระบบบริหารจัดการโรงพยาบาลภาครัฐ ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเป็นการศึกษาพื้นที่ให้ครอบคลุมในภาคตะวันออก
นอกจากนี้ CHG ได้เปิดดำเนินการศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Center) ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงรับส่งต่อผู้ป่วยหลอดเลือดสมองจากทุกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในพื้นที่ตะวันออกพื้นที่บริเวณโดยรอบเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองได้รับการรักษาทันเวลา ช่วยลดอัตราการทุพพลภาพ ส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และตามแผนในปี 2565 CHG จะเปิดให้บริการศูนย์มะเร็งครบวงจร ให้บริการทางด้านรังสีรักษาและการรักษาด้านเคมีบำบัด ซึ่งถือเป็นศูนย์มะเร็งครบวงจรแห่งแรกในจังหวัดสมุทรปราการ
สำหรับการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 ในปีนี้ เรายังคงสานต่อการดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนโยบายภาครัฐและมีส่วนร่วมในการดูแลประชาชน ตอนนี้หลายท่านอาจจะเป็นกังวลในประเด็นที่รัฐบาลปรับลดอัตราการจ่าย ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่เปลี่ยนไป เราปรับตัวตามสถานการณ์ โดยกลุ่ม CHG ร่วมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในดูแลผู้ป่วยโควิดใน Home Isolation และ Hotel Isolation ซึ่งเป็นผลดีกับทางกลุ่ม เพราะเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง และยังช่วยให้ operation ในโรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยที่ต้องการรักษาที่กลับเข้ามารับบริการมากขึ้นได้ตามปกติ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการตอกย้ำยอดการเติบโตของรายได้ กำไรของ CHG ในปี 2565 และการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ถือเป็นการเติบโตแบบยั่งยืนของ CHG ที่เราจะเติบโตไปพร้อมกับการตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนและสนองนโยบายด้านสุขภาพของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 2,200 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของกำไรสุทธิ ซึ่งคณะกรรมการได้มีประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลประจำปี 2564 รวม 0.030 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 330 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา จึงมีมติเสนอจ่ายปันผลส่วนที่เหลือ 0.17 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 1,870 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket